Hagebutte (กุหลาบป่า)

Hagebutte  จัดเป็นพืชที่เกิดในป่า  จัดอยู่ในประเภทกุหลาบ ดั้งเดิมจริง ๆ มีผลสีแดง  ผลใหญ่เท่า ๆ ผลเชอร์รี่  ลำต้นมีหนาม ต้นกำเนิดในประเทศแถบเอเซีย  ปัจจุบันปลูกได้งอกงามในประเทศแถบยุโรปตอนกลางและยุโรปตอนใต้  ในฤดูใบไม้ร่วง จะเห็นต้น Hagebutte แดงสว่างเต็มต้น  นั่นหมายถึงว่าใกล้จะย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว  ธรรมชาติได้ช่วยมนุษย์ให้มีร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานความหนาว ด้วยการมีผลไม้ที่มีวิตามิน C รับประทานกันในฤดูหนาว

Hagebutte  มีธาตุและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสำหรับในฤดูหนาวอย่างยิ่ง  เช่น  Vitamin C, Vitamin B1, B2, E, K, P, H, Provitamin A, ธาตุเหล็ก, Magnesium, Natrium, Phosphor น้ำตาลจากผลไม้
ความเปรี้ยวจากผลไม้  ความขมจากผลไม้  น้ำมันจากผลไม้ และเยื้ออ่อนในเนื้อผลไม้

Hagebutte  เป็นผลไม้ที่ต่อต้านโรคมะเร็งได้  เพราะเหตุว่า เป็นผลไม้ที่มีวิตามินหลายชนิดมาก  และปริมาณก็มากด้วย  Hagebutte 100 Gramm  มีปริมาณ Vitamin C ประมาณ 1,500 Milligramm  นอกจากนั้นยังมี Vitamin E เยอะมากด้วย...... Vitamin E  (4,2 Milligramm)  800 Mikrogramm......  Provitamin A เป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ  ทำให้โรคภัยไข้เจ็บมีโอกาสเบียดเบียนได้น้อยลง

A-Provitamine  ช่วยลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด  โรคมะเร็งกระเพาะอาหารและโรคมะเร็งท่อทางเดินอาหาร  ผู้ที่ขาดวิตามิน เอ  จะเป็นผู้ไม่มีสมรรถภาพทางด้านเพศสัมพันธ์.........  A-Provitamine (Karotinoide) คือ  สาร Lykopin สีแดงของเปลือกผลไม้  ซึ่งมีในมะเขือเทศก็มีเช่นกัน  สาร Lykopin สีแดงนี้จะทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคที่แปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย  ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็นพี่ของ Beta-Karotin

Rutin เป็นสารชนิดหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ  Flavonoid (เมื่อก่อนเรียกว่า วิตามิน P) ช่วยทำให้เส้นเลือดแข็งแรง  ลดการเป็นเส้นเลือดขอดและเส้นเลือดในตาแตก

Hagebutte Tee  แก้ไข้หวัด  น้ำมูกไหล  แก้ไอ  แก้ปวดขมับ   ลดไข้ ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดี   ล้างท่อปัสสาวะ  ขับนิ่วในไต  ขับนิ่วในท่อปัสสาวะและ ฟอกเลือด....ผลสด ๆ  มีรสเปรี้ยวมาก  ถ้าทำแยมต้องมีกรรมวิธีพิเศษ จึงจะอร่อยมาก


แหล่งค้นคว้า.....หนังสือ Gesunde Ernährung   โดย  CLAUDIA  TEBEL-NAGY
                                                     Pflanze des Monats

ผลไม้ป้องกันภาวะสมองเสื่อม

-ผลไม้สองประเภทช่วย้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ดีเป็นพิเศษ

อาหารที่อุดมด้วยผักและผลไม้สามารถลดความเสื่อต่อภาวะสมองเสื่อมได้ จากการศึกษาพบว่า ผลไม้ประเภทใดมีประโยชน์อย่างยิ่ง

จากหนังสือพิมฟุลดา ประเทศเยอรมัน กล่าวI มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพทางจิตใจ นอกจากเครือข่ายทางสังคมที่ดีแล้ว ยังรวมถึงวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีด้วยการออกกำลังกายที่เพียงพอและการรับประทานอาหารที่มีวิตามิน สารอาหารบางชนิดที่ดีเป็นพิเศษในการรักษาสุขภาพสมองให้คงที่ในระยะยาว

ผลไม้ 2ชนิดป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ดีเป็นพิเษ

จากผลการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า ไฟโตเคมิคอลหรือฟลาโวนอยด์สามารถส่งผลดีต่อสมรรถภาพทางจิตได้ ฟลาโว ชาเขียวและชาดำ ในลักษณะที่เป็นเม็ดสีจากพืช ฟลาโว น้ำเงิน เหลืองอ่อน ม่วงในผักและผลไม้หลายชนิด

เป็นกลุ่มย่อยสลาย จากข้อมูลของสมาคมโภชนาการแห่งเยอรมนี (DGE) โพลีฟีนอลพบได้เฉพาะในผลเบอร์รี่ ไวน์แดง แอปเปิ้ล ชา ถั่วแระ

การศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนิวยอร์กที่ตีพิมพ์ในวารสาร PNAS ได้ตรวจสอบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างสารจากพืชเหล่านี้กับสมรรถภาพทางจิต มีผูเข้าร่วมการทดสอบด้านสุขภาพประมาณ 3,600 รายที่มีอายุประมาณ 70 ปี ครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมการศึกษาบริโภคฟลาโวนอยด์ 500 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของฟลาโว 3 ปี อีกส่วนหนึ่งได้รับยาหลอกโดยไม่มีสารจากพืชเหล่านี้ ใกล้แค่เอื้อม 1,400 ราย ตัวอย่างปัสสาวะได้นำไปใช้พิจารณา ว่าพวกเขารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นห ชา ผลไม้และผักที่พวกเขาบริโภคเข้าไปมากน้อยเพียงใด

แม้ว่าปริมาณฟลาโวนอยด์ที่ผู้เข้าร่วม จะได้รับการประเมินแบบย้อนหลัง ในการศึกษาอื่นๆ เท่านั้น แต่ก็สามารถระบุได้อย่างแม่นยำ ในการศึกษานี้นอกจากการทดสอบแล้ว ยังใช้เพื่อวัดสมรรถภาพทางจิตของผู้ทดสอบดีเพียงใด 

ผลลัพธ์คือ ผู้เข้าร่วมคนที่สามที่รับประทานอาหารที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ มีประสิทธิภาพลลงน้อยที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ผู้เข้าร่วมผู้เข้าร่วมคนที่สามที่บริโภคฟลาโวนอยด์เพียงเล็กน้อยพร้อ

มกับอาหารที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการบริโภคฟลาโวนอยด์เพิ่มเติมในแบบแท็บเล็ต ผลปรากฏว่าความสามารถทางและประสิทธิภาพด้านความจำได้รับการปรับปรุงดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การบริโภคเพิ่มเติมไม่มีผลกระทบต่อผู้เข้าร่วมที่รับประทานแอปเปิ้ลและผลเบอร์รี่เป็นประจำ การศึกษา24vita.de กล่าวว่า บริษัทประกันสุขภาพ AOK ยังเน้นถึงผลในการป้องกันฟลาโวนอยด์

"การศึกษาพบว่าสารทุติยภูมิจากพืชมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ กล่าวคือ ป้องกันอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์"

เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากศาสตราจารย์ ดร.แบร์นฮาร์ด วัตเซิล ประธานสมาคมโภชนาการแห่งเยอรมนี ดังนั้นฟลาโวนอยด์จึงมีประโยชน์ต่อการป้องกันโรคสมองเสื่อม แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าจะมีกรอบเวลาวิกฤตสำหรับกระทบหรือไม่ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญระบุ การตัดสินใจอาจเกิดขึ้นได้ด้วยโภชนาการเมื่ออายุ 20 หรือ 40 ปี 

บทความนี้ตั้งแต่มาจากหนังสือพิมพ์ฟูลดาร์ เยอรมนี