สวดมนต์เสริมพลังจิต

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568

msm คืออะไร?

msm ย่อมาจากเมทิลซัลโฟนิลมีเทนหรือที่รู้จักกันในชื่อไดเมทินซันโฟน เป็นสารประกอบกำมะถันอินทรีย์ที่สามารถให้กำมะถันธรรมชาติอันทรงคุณค่าแก่ร่างกายมนุษย์ กำมะถันเป็นธาตุสำคัญและร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยกำมะถันเพียง 0.2%

เมื่อมองแว๊บแรก เศษส่วนเพียงเปอร์เซ็นต์นี้ดูเหมือนจะไม่มีนัยสำคัญ แต่เมื่อพิจารณาการกระจายตัวเชิงปริมาณของธาตุต่างๆในร่างกายมนุษย์อย่างละเอียด ความสำคัญของกำมะถันก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง เช่น ร่างกายของเรามีกำมะถันมากกว่า magnesium ถึง 5 เท่าและมีกำมะถันในเหล็กมากกว่าถึง 40 เท่า

คนส่วนใหญ่รู้ดีว่าการบริโภคแมกนีเซียมและธาตุเหล็กให้เพียงพอในแต่ละวันนั้นสำคัญเพียงใด แต่แทบไม่มีใครใส่ใจกับการได้รับกำมะถันในปริมาณที่เพียงพอหลายคนยังเชื่อ (และบ่อยครั้งก็เป็นความเห็นของสื่อ)ว่ามีกำมะถันเพียงพอในอาหารประจำวัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจำเป็นต้องได้รับกำมะถันเพิ่มเติม

ไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกใจเพราะกำมะถันถือเป็นสารอาหารที่ได้รับการวิจัยในสาขาโภชนาการน้อยที่สุดจนถึงปัจจุบัน

กำมะถันอินทรีย์ส่งเสริมการสร้างโปรตีนในร่างกาย

กำมะถันเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารต่างๆในร่างกายหลายชนิด เช่น เอนไซม์ ข้อมูล (สารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ)และกรดอะมิโนสำคัญหลายชนิด(เช่น ซีสเตอีน เมทไธโอนีน ทอรีน)

หากขาดกำมะถัน กลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอดของเรา จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้กลูต้าไทโอนถือเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุด หากร่างกายไม่สามารถผลิตกลูต้าไธโอนได้เพียงพอ เนื่องจากการขาดกำมะถัน บุคคลนั้นจะต้องเผชิญกับภาวะเครียดออกซิเดชันที่เพิ่มขึ้นและระบบภูมิคุ้มกันก็จะได้รับผลและทุกอย่างรุนแรงเนื่องจากต้องทำงานหนักขึ้นมาก

โปรตีนในร่างกายของเราสร้างขึ้นจากกรดอะมิโนที่มีกรดกำมะถัน (ร่วมกับกรดอะมิโนอื่นๆ) สิ่งที่เรียกว่า สะพานกำมะถัน (พันธะระหว่างโมเลกุลกำมะถัน 2 โมเลกุล) เป็นตัวกำหนดโครงสร้างเชิงพื้นที่ของเอนไซม์และโปรตีนทั้งหมด

หากปราศจากสะพานกำมะถันเหล่านี้ เอนไซม์และโปรตีนก็ยังคงผลิตได้ แต่ปัจจุบันมีโครงสร้างเชิงพื้นที่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงจึงไม่มีกิจกรรมทางชีวภาพ ซึ่งหมายความว่าพวกมันไม่สามารถทำหน้าที่ดั้งเดิมได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามหากสิ่งมีชีวิตได้รับ msm inside ที่ออกฤทธิ์และโปรตีนที่สมบูรณ์แบบก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง

msm เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

ยกตัวอย่าง เช่น กรดอะมิโนเมไทโอนีนที่มีกำมะถันมีหน้าที่สำคัญมากมายในร่างกาย หนึ่งในนั้นคือการขนส่งซีลีเนียมซึ่งเป็นหน้าที่จำเป็นต่อร่างกายไปยังหน้าที่ที่ต้องการ ซีรีเนียมช่วยป้องกันเชื้อโรคและอนุมูลมูลอิสระและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อดวงตาผนังหลอดเลือดและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

หากขาดกำมะถัน เมไทโอนีนมีก็จะขาดไปด้วย หากขาดเมไทโอนีน ซีเรียมจะไม่ถูกส่งไปยังที่ที่ต้องการอีกต่อไป หากขาดซีรีเนียมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำงานได้ไม่เต็มที่และบุคคลนั้นจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อการอักเสบและสิ่งที่เรียกว่า ความเสื่อมถอย ซึ่งทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นหากระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง

การขาดสารเพียงชนิดเดียวจึงไม่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติเพียงชนิดเดียว แต่จะทำให้เกิดความผิดปกติอย่างมากซึ่งเปรียบเสมือนหิมะถล่มที่ส่งผลและเสริมซึ่งกันและกัน

เป็นเวลานานที่เชื่อกันว่า แม้แต่โรคภูมิแพ้ก็เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ แต่ปัจจุบันเรารู้แล้วว่า เกิดจากความผิดปกติของระบบป้องกันของร่างกาย msm ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

กำมะถันอินทรีย์ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้

ผู้ที่มีอาการแพ้ละออกเกสร (ไข้ละอองฟาง) แพ้อาหาร มักแพ้ฝุ่นบ้านหรือขนสัตว์มักมีรายงานว่า อาการแพ้ของตนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากรับประทาน msm เพียงไม่กี่วัน

ผลกระทบเหล่านี้ได้รับการยืนยันหลายครั้งจากนักวิจัยทางการแพทย์รวมถึงทีมวิจัยชาวอเมริกันจากศูนย์การแพทย์บูรณาการ Genesis การศึกษานี้ครอบคลุมผู้เข้าร่วม 50 คนที่ได้รับกำมะถันอินทรีย์ 2,600 mg ทุกวันเป็นเวลา 30 วัน

ภายในวันที่ 7 อาการแพ้ทางเดินหายใจส่วนบนทั่วไปดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ภายในสัปดาห์ที่ 3 อาการทางเดินหายใจส่วนมากก็ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกันผู้ป่วยยังสังเกตเห็นว่าระดับพลังงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2

นักวิจัยสรุปว่ากำมะถันในปริมาณดังกล่าว สามารถช่วยลดการแพ้ตามฤดูกาลได้อย่างมีนัยสำคัญ (เช่น ปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ)

แม้ว่าจะไม่มีการสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในเครื่องหมายการอักเสบในงานศึกษาข้างต้น แต่ MSM ก็แสดงให้เห็นผลต้านการอักเสบในโรคอักเสบอื่นๆ เช่น เมื่อโรคข้อเข่าอเสื่อมดำเนินไปถึงระยะการอักเสบ

msm บรรเทาอาการปวดจากข้อเข่าเสื่อม

กำมะถันเป็นองค์ประกอบสำคัญของของเหลวในข้อและยังเป็นองค์ประกอบในขั้นในของแคปซูลข้อต่อด้วย ร่างกายจะฟื้นฟูร่างกายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความเครียดที่เกิดขึ้นกับข้อต่อ อย่างไรก็ตามหากร่างกายขาดกำมะถันร่างกายจะไม่สามารถซ่อมแซมข้อต่อที่จำเป็นได้อีกต่อไป

การขาดกำมะถันเรื้อรังจึงส่งผลให้เกิดปัญหาข้อต่อทำให้เกิดอาการเสื่อมที่เจ็บปวดและข้อแข็ง

การศึกษาวิจัยในปี 1995 (แม้ว่าจะใช้กระดูกอ่อนของม้า) แสดงให้เห็นว่าความเข้มข้นของกำมะถันในกระดูกอ่อนที่ได้รับความเสียหายจากโรคข้อเสื่อม มีเพียงหนึ่งในสามของกระดูกอ่อนที่แข็งแรงเท่านั้น

แม้ว่าการรักษาข้อเข่าเสื่อมทั่วไปจะยับยั้งการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้ แต่ msm กลับดูเหมือนจะแทรกแซงโดยตรงต่อการเผาผลาญของกระดูกอ่อน กำมะถันมีผลดีต่อสุขภาพข้อต่อในหลายระดับ (ดังที่แสดงไว้ในงานวิจัยที่นำเสนอด้านล่าง)

. บรรเทาอาการปวด
. ยับยั้งการอักเสบ
. มีฤทธิ์แก้คัดจมูก
. ช่วยสร้างกระดูกอ่อนหรือป้องกันการเสื่อมสลายของกระดูกอ่อน
. ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและทำให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันสร้างใหม่ได้รวดเร็ว
. มีฤทธิ์ต้านองุ่นอิสระ คือ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพข้อต่อได้

ดังนั้นจึงคุ้มค่าที่จะลองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อแทบไม่มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง มีการศึกษาทางคลินิกมากมายที่ใช้กำมะถันอินทรีย์สำหรับโรคข้อเข่าเสื่อม (แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีผู้เข้าร่วมศึกษาจำนวนน้อย เช่น งานวิจัยนี้ในปี 2549)

ในปี พ.ศ 2549 นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยวิทยาลัยเซาท์เวสต์ (Southwest College Research Institute) ได้ทำการศึกษาแบบสุ่มปกปิดข้อมูลและควบคุมด้วยยาหลอก โดยมีชายและหญิงจำนวน 50 คนอายุระหว่าง 40-76 ปีซึ่งทุกคนมีอาการปวดข้อเข่าเสื่อมผู้เข้าร่วมการศึกษาถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้รับ msm 3,000 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง (รวม 6 กรัมต่อวัน) และอีกกลุ่มหนึ่งได้รับยาหลอก เมื่อเปรียบเทียบยาหลอกกับการให้กำมะถันช่วยลดอาการปวดได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

ผู้เข้าร่วมยังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมในชีวิตประจำวันของพวกเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดข้อดีอย่างหนึ่ง คือ กำมะถันไม่มีผลข้างเคียง

การศึกษาในปี 2011 ได้ศึกษาผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมจำนวน 49 ราย (อายุ 45 ถึง 90 ปี) ที่ได้รับ msm 1,125 มิลลิกรัมวันละ 3 ครั้งเป็นเวลา 12 สัปดาห์หรือได้รับยาหลอก ต่อมากลุ่มที่ได้รับซัลเฟอร์มีอาการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ในปีพ.ศ 2561 ได้มีการตีพิมพ์งานวิจัยแบบสุ่มมีกลุ่มควบคุมด้วยยาหลอกและแบบอำพราง สองฝ่ายซึ่งผู้ป่วย 88 รายที่มีอาการปวดเข่าเล็กน้อยได้รับยาซัลเฟอร์อินทรีย์ 200 มิลลิกรัม10 เม็ดหรือยาหลอกเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ในกลุ่มที่ได้รับซัลเฟอร์ไม่เพียงแต่สุขภาพเขาดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้นด้ว รับข้อต่อประสงค์กำมะถันกับยาอื่นๆ

สำหรับข้อต่อ:ผสมกำมะถันกับยารักษาอื่นๆ

การเตรียมแบบผสมผสาน เช่น กำมะถันอินทรีย์กับคอลลาเจนหากมีประโยชน์ เช่น กันดังที่แสดงไว้ในการศึกษาแบบ doubleบลายด์ เมื่อปี 2008

ในการศึกษานี้ ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมจำนวน 100 ราย (อายุมากกว่า 50 ปีทั้งหมด)ได้รับการเตรียมสถานที่ประกอบด้วย msm (AR7 Joint Komplex ของ คอลลาเจน, MSM CMO (เซทิลไมริสโทเลเอต) ไลเปส วิตามินซีและโปรมีเลน) หรือยาหลอกทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์

เมื่อสิ้นสุดการศึกษาอาการปวดข้อและความตึงเครียดในกลุ่ม AR 7 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มยาหลอก

การรวมกันของกำมะถันอินทรีย์และกลูโคซามีน ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ในการศึกษา เนื่องจากทั้ง 2 ตัวแทนร่วมกันมีฤทธิ์ระงับปวดและด้านการอักเสบในโรคข้อเข่าเสื่อม

เมื่อใช้ร่วมกับครูซามีนจะช่วยเสริมสร้างโครงสร้างและความยืดหยุ่นให้กับกระดูกอ่อนในการศึกษานี้ผู้ป่วย 118 รายรับประทาน msm 1,500 มิลลิกรัม หรือกลูโคซามีน 1500 มิลลิกรัมหรือทั้ง 2 อย่างรวมกันทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ได้รับยาหลอกด้วย

จากนั้นจึงวัดอาการปวด การอักเสบและอาการบวมที่ข้อต่อของกลุ่มผู้ป่วยเป็นระยะๆ หลังจาก 12 สัปดาห์ พบว่าอาการปวดลดลง 52 เปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มที่ได้รับซัลเฟอร์ขณะที่คะแนนความเจ็บปวดในกลุ่มที่ได้รับคลูโคซามีนลดลงมากถึง 63%

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่ได้รับในกลุ่มที่ใช้ยาผสมโดยอาการปวดอักเสบและบวมตามข้อลดลง 79%

ในปีเดียวกันนั้นได้มีการตรวจสอบผลการใช้ msm มาร่วมกับคลูโคซามีนและคอนดรอยติน และยังพบว่าอาการข้อเข่าเสื่อมดีขึ้นด้วย

ในขณะที่ MSM สามารถใช้ได้ทั้งภายใน (แคปซูล) และภายนอก (เจล msm) สำหรับโรคข้อเสื่อมและอาการปวดข้อแต่สำหรับอาการปวดข้อเฉียบพลันหากใช้ dmso ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าเป็นการชั่วคราว ซึ่งสามารถใช้ได้ภายนอกเท่านั้น

dmso สำหรับอาการปวดข้

MSM เป็นผลิตภัณฑ์ที่สลายตัวจาก dmso (ใดมีทีมซัลฟอกไซด์) dmso มีวางจำหน่ายในรูปแบบบริสุทธิ์ ในรูปแบบของเหลวตามร้านขายยาและทางออนไลน์ แต่ต้องเจือจางก่อน แนะนำให้ขอครีมหรือขี้ผึ้ง dmso ซึ่งสามารถนำมาทาบริเวณข้อได้ ในกรณีที่มีอาการปวดเฉียบพลัน

อย่างไรก็ตาม emso อาจมีผลข้างเคียงได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรใช้เฉพาะในกรณีที่มีอาการปวดเฉียบพลันเท่านั้น ดังนั้น msm จึงมีประสิทธภาพอย่างยิ่งต่ออาการปวดข้อ เมื่อรับประทานเข้าไป ในขณะที่ emso สามารถใช้ภายนอกได้สำหรับรายละเอียดที่เกี่ยวกับ dmso และกลไกการออกฤทธิ์ รวมทั้งความเสี่ยงจากการใช้ดีเอ็มเอสโออยู่ โปรดดูบทความของเราเกี่ยวกับ dmso สูตรที่ด้านล่างด้านหน้านี้

ข้อมูลเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อมและมาตรการแบบองค์รวมที่ช่วยบรรเทาอาการโรคข้อเข่าเสื่อม สามารถดูได้ที่ทางหน้านี้

แนวทางแบบองค์รวมในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ยังรวมถึงโภชนาการที่เหมาะสมด้วย ดังนั้น คุณจะพบแผนโภชนาการสำหรับโรคข้อเข่าเสื่อม 7 วันของเรา ซึ่งจะแสดงวิธีการรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง สำหรับผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมแผนนี้ ประกอบด้วยสูตรอาหารเพื่อสุขภาพข้อต่อ 7 วัน สำหรับมื้อเช้า มื้อกลางวันและมื้อเย็นและของว่าง

msm ช่วยลดความเสียหายของกล้ามเนื้อ

อาการปวดข้อมักพบได้บ่อยในนักกีฬา msm ยังมีประโยชน์อื่นๆ ต่อนักกีฬาอีกด้วย ได้แก่ กล้ามเนื้อที่แข็งแรงช่วยรักษาความมั่นคงของข้อต่อขณะที่อาการปวดบาดเจ็บของกล้ามเนื้อคิดเป็นประมาณ 30% ของอาการหนักบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาทั้งหมด ความเสี่ยงต่อการเพิ่มขึ้น เช่น การวอร์มอัพที่ไม่เพียงพอ วิธีการฝึกซ้อมที่ไม่ถูกต้องหรือการใช้แรงมากเกินไป

ทีมวิจัยชาวอิหร่านจากมหาวิทยาลัยอิสลามอาซาด ได้ทำการศึกษาวิจัยผลของการเสริมกำมะถันอินทรีย์เป็นเวลา 10 วันต่อความเสียหายของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการออกกำลังกาย

การศึกษาเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มสุขภาพดี 18 คนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับยาหลอกทุกวัน ในขณะที่หยุดกลุ่มหนึ่งได้รับ msm 50 mg ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หลังจาก 10 วันชายกลุ่มนี้เข้าร่วมการวิ่งระยะทาง 14 กิโลเมตร

พบว่าระดับครีเอทีนไคเนสและบิลิรูบินในกลุ่มยาหลอกสูงกว่ากลุ่มยาสั่งซื้อ ทั้งสองค่าบ่งชี้ถึงความเสียหายของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการออกกำลังกาย อย่างไรก็ตามค่า tac ซึ่งบ่งชี้ถึงความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของแต่ละบุคคลนั้นสูงกว่าในยาซัลเฟอร์เมื่อเทียบกับกลุ่มยาหลอก

นักวิทยาศาสตร์พบว่า msm สามารถลดความเสียหายของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการออกกำลังกายได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

ยิ่งไปกว่านั้นการศึกษานำร่องที่มหาวิทยาลัยเมมฟิส แสดงให้เห็นว่าการรับประทานกำมะถันอินทรีย์ 3 กรัมต่อวัน ช่วยลด อาการปวดกล้ามเนื้อและส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูหลังการออกกำลังกาย เราได้สรุปสิ่งอื่นๆ ที่กำมะถันมีประโยชน์ต่อคุณในฐานะนักกีฬาไว้ท้ายหน้านี้ MSN ช่วยให้นักกีฬาฟิต

กำมะถันเพื่อพลังงานความคิดและความงาม

กำมะถันช่วยในการผลิตพลังงานในระดับเซลล์ดำเนินไปอย่างราบรื่น และเมื่อทำงานร่วมกับวิตามินบีจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญอาหาร จึงช่วยเพิ่มสมรรถภาพและระดับพลังงานของบุคคลนั้น

ในขณะเดียวกัน กำมะถันยังช่วยให้ผิวนุ่ม ผมแข็งแรงและเล็บแข็งแรง อวัยวะต่างๆในร่างกายเรานั้นประกอบด้วยโปรตีนซึ่งจำเป็นต่อการผลิตโปรตีน โปรตีนเหล่านี้ เรียกว่า คอลลาเจนอิลาสตินและเคราติน

โครงสร้างผิวหนังของมนุษย์ยึดติดกันด้วยคอลลาเจนที่แข็งแรงได้เป็นเส้นใย โปรตีนอีลาสตินช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเคราตินเป็นโปรตีนที่มีความยืดหยุ่นซึ่งประกอบเป็นเส้นผมและเล็บ

หากกำมะถันไม่เพียงพอผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นเกิดริ้วรอยหยาบกร้านและแก่เร็ว เล็บเปราะบางและผมเปราะบาง

เมื่อใช้กำมะถันภายในและ(ภายนอกในรูปแบบเจล msm) ผิวจะสามารถฟื้นฟูและกลับสู่สภาพเดิมที่เกือบจะไร้ริ้วรอยเล็บจะงอกกลับมาแข็งแรงและเรียบเนียน เช่น ผมจะหนาและเงางาม

msm สร้างปาฏิหาริย์เล็กๆน้อยๆในรูปสะกิดปลา

MSN ยังมีประโยชน์ต่อโรคผิวหนัง เช่น โรคเกล็ดปลา(ichtyosis) ซึ่งเป็นโรคที่รักษาไม่หาย โรคเกล็ดปลาเป็นหนึ่งในโรคทางพันธุกรรมที่พบบ่อยที่สุด มีอาการต่างๆ เช่น รังแค ผิวแห้งหยาบกร้าน ปวดและคันรวมถึงความเครียดทางจิตใจที่รุนแรง

กรณีศึกษาแสดงให้เห็นว่า moisturizer ที่ประกอบด้วย msm กรดอะมิโนวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระสามารถบรรเทาอาการได้อย่างมีนัยสำคัญ

ชายวัย 44 ปี เป็นโรคผิวหนังชนิดรุนแรงได้เข้าร่วมการศึกษานี้ เขาได้เข้ารับการบำบัดทุกวิถีทางแล้ว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ

หลังจากการรักษาด้วย moisturizer เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ผิวก็กระจ่างใสขึ้นและอาการลอกก็ลดลง นอกจากนี้ไม่พบผลข้างเคียงใดๆและลักษณะของผิวก็ค่อยๆ ดีขึ้น

MSN ช่วยบรรเทาอาการโรคผิวหนังอักเสบ

โรคโรซ่าเซีย (Rosacea) เป็นโรคผิวหนังอีกชนิดหนึ่งที่ msm สามารถช่วยได้ เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่ถือว่ารักษาไม่หายขาดซึ่งส่งผลเสียต่อผู้ป่วยเป็นหลัก โดยจะส่งผลต่อใบหน้าเป็นหลัก

แม้ว่าอาการแดงบนใบหน้าจะคุมอยู่ในระยะแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปตุ่มหนองและเนื้อเยื่อใหม่ก็อาจพัฒนาขึ้นได้ ผู้ป่วยจะมีอาการคันปวดและมีผิวที่ไม่น่ามอง

ผู้ป่วยจำนวน 46 ราย เข้าร่วมการศึกษาแบบอำพรางสองฝ่ายควบคุมด้วยยาหลอก ซึ่งดำเนินการโดยทีมงานวิจัยจากสถาบันผิวหนังซานกัลลิคาโนในกรุงโรม ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยาที่ประกอบด้วยกำมะถันอินทรีย์และซิลิมาริน (ซิลิมารินเป็นสารออกฤทธิ์ในมิลค์ทิสเซิล) เป็นเวลา 1 เดือน

มีการตรวจสอบผิวของผู้เข้ารับการทดสอบอย่างละเอียด หลังจาก 10 และ 20 วัน รวมถึงหลังการรักษานักวิทยาศาสตร์พบว่ารอยแดงตุ่มและอาการคันลดลง นอกจากนี้ ความชุ่มชื้นของผิวหนังอย่างเพิ่มขึ้นด้วย

บทความนี้แปลจาก
บทความเกี่ยวกับศูนย์สุขภาพประเทศเยอรมนี






วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2568

โคเอนไซม์ Q10 คืออะไร

โคเอนไซม์ Q10 (หรือยูบิควิโนน Q10) เป็นหนึ่งในยูบิควิโนนที่พบได้ในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงานของไมโตคอนเดรียในระบบการหายใจ

โคเอนไซม์  Q10 มีโครงสร้างคล้ายกับวิตามินเคและวิตามินอี อย่างไรก็ตามโคเอนไซ์ Q10 ไม่ใช่สารอาหารที่จำเป็น (ที่ต้องได้รับจากอาหาร) หรือวิตามิน เนื่องจากสารนี้ผลิตได้ในปริมาณเพียงพอ โดยสิ่งมีชีวิตที่มีสุขภาพดีเอง สารนี้สามารถสร้างขึ้นในสิ่งมีชีวิตของมนุษย์ เช่น ได้จากฟีนิลอะลานินหรือไทโรซีนและกรดเมลาโลนิก ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีปริมาณที่เพียงพอพร้อมกับการทำงานปกติและอาหารที่หลากหลายและสมดุล

โคเอนไซม์ Q!0 จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร?

โคเอนไซม์ Q10 เป็นสิ่งจำเป็นต่อการเผาผลาญ มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการเผาผลาญพลังงานในไมโตคอนเดรียของเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ในฐานะสารต้านอนุมูลอิสระมันยังสามารถปกป้องเยื้อหุ้มเซลล์จากความเสียหาย ออกจากออกซิเดชั่น ที่เกิดจากสิ่งที่เรียกว่า"อนุมูลอิสระ" ได้อีกด้วย 

สารเหล่านี้เป็นสารที่มีปฏิกิริยาสูงมาก ซึ่งสามารถทำลายเซลล์และเนื้อเยื้อได้  เนื้อเยื้อที่มีความต้องการพลังงานสูง เช่น หัวใจ ตับ ไตและกล้ามเนื้อ จะมีระดับโคเอนไซม์สูงเป็นพิเษ