สุขภาพดีเพราะมีศิลปะในการบริโภค
บริโภคเพื่อยังชีพ มิใช่ยังชีพเพื่อบริโภค อันร่างกายเรานี้ ดำรงอยู่ได้ด้วยปัจจัย ๔ อันได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ชีวิตจะขาดปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตดำรงอยู่ได้โดยไม่เป็นทุกข์มาก ถ้ารู้จักความพอเพียง ท่านหลวงพ่อพุทธทาสได้กล่าวถึงปัจจัยที่สำคัญมากอีกปัจจัยหนึ่ง คือ "ธรรมะ" ชีวิตที่ไม่มีธรรมะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจนั้น ย่อมเป็นชีวิตที่ไร้ค่าและเสียชาติเกิด อยู่บนโลกเหมือนคนตาบอด ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้แก่ตนเองได้ในยามเดือดร้อน ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ตนเองได้ ปัจจัยสุดท้ายนี้สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ปรารถนาอยากจะมีความสุขในชาตินี้และชาติหน้า การได้พบพระธรรม ถือว่าเป็นลาภอันประเสริญ เปรียบเสมือนได้พบขุมทรัพย์มหาศาล อันเป็น "อริยทรัพย์" ที่สามารถนำติดตัวไปได้ทุกหนทุกแห่ง พระธรรมเป็นของสูง เป็นของผู้มีบุญบารมี ที่เคยได้สะสมมาแต่ชาติบปางก่อน ชาตินี้จึงได้มีโอกาสได้ศึกษาและฟังธรรมต่อ จนกว่าจะสิ้นความสงสัย และจนกว่าจะสามารถละความเห็นผิดและความไม่รู้ (อวิชชา)ได้ ร่างกายประกอบขึ้นจากมหาภูตรูป ๔ ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม ธาตุทั้งสี่นี้ ถ้าขาดความสมดุลย์กัน ก็จะมีผลกระทบต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกด้วย เช่นถ้าร่างกายขาดสารอาหารประเภท แคลเซี่ยม ก็จะมีความผิดปกติ เกี่ยวกับกระดูกอันเป็นโครงร่างสำคัญของร่างกาย หากขาดแคลเซี่ยมมากตั้งแต่ยังเยาววัย ร่างกายจะมีการพัฒนาและเจริญเติบโตช้า อาจเป็นโรคปวดตามข้อกระดูกหรือโรคไขข้อได้ด้วย และยังมีผลกระทบถึงสภาวะทางจิตด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องมีศิลปะในการบริโภคอาหารอย่างถูกต้อง
คำว่า "ศิลปะ" แปลว่า ความสามารถ หมายถึงมีความสามารถในการเลือกสรรหาอาหารที่มีประโยชน์ มีความสามารถในการปรุงอาหาร การเก็บถนอมอาหาร ถูกหลักอนามัย บริโภคแล้วให้คุณต่อร่างกาย ร่างกายนี้ไม่รู้อะไร เขาไม่อยากกินโน่นกินนี่ หรืออยากกินของแปลก ๆ รสเด็ดรสเลิศอะไรก็ตาม เขาไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ผู้ที่อยากสารพัดไม่ซ้ำเมนูแต่ละวัน ก็คือ "จิต" แต่ที่จริงแล้วจิตเป็นธรรมชาติที่ดีงาม เป็นนามธรรม เขารู้แจ้งอารมณ์เท่านั้นเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้ แต่มีนามธรรมอีกชนิดหนึ่ง ที่เกิดพร้อมกับจิตดับพร้อมกับจิต มีอารมณ์เดียวกับจิต และเขาจะปรุงแต่งจิตให้อยากโน่นอยากนี่ เป็นไปในทางกุศลและอกุศล ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปในทางอกุศล จิตสั่งกายให้กระทำ กายจะแข็งแรงมีภูมิต้านทานดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่จิตด้วย เรื่องศิลปะในการบริโภคอาหารนี้ ก็จะต้องมีความสามารถในการแยกแยะว่า อาหารประเภทใดมีสารอาหารอะไรบ้าง จำเป็นต่อร่างกายอย่างไรบ้าง และเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภคด้วย "มัตตัญญุตา จะภัตตัสมิง"
คุณทราบมั้ย."ความเปรี้ยว" ของผลไม้ ป้องกันโรคมะเร็งไม่ให้เกิดได้
สารFlavonoide ที่อยู่ในแอปเปิ้ล หรือผลไม้อื่น ๆ ที่มีรสเปรี้ยว ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้ นักวิจัยด้านโภชนาการชาวอเมริกัน ได้วิจัยเกี่ยวกับการบริโภคอาหารของคนในยุคสมัยใหม่และพบว่า คนส่วนใหญ่บริโภคอาหารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย บริโภคผักและผลไม้น้อยมาก ไม่ค่อยออกกำลังสม่ำเสมอ มีความเครียดมาก นอกจากนั้นยังติดบุหรี่หรือของมึนเมา, กินของมัน และเนื้อสัตว์ปริมาณมาก ปัจจุบันนี้ได้มีคนเป็นโรคทันสมัยกันมาก คือ โรคเครียด โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจวาย โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนของโลหิต
จากการวิจัยของนักวิจัยด้านโภชนาการของประเทศอังกฤษ ได้ทดลองกับเด็กจำนวน ๒,๕๐๐ คน สรุปผลดังนี้ เด็กที่ไม่ชอบกินผลไม้ จะมีปอดที่มีสมรรถภาพในการทำงานต่ำกว่า เด็กที่ชอบกินผลไม้วันละสองเวลา ต่างกัน ๔ เปอร์เซ็นต์
คุณทราบมั้ยว่า "สับปะรด" มีวิตามินและแร่ธาตุสารอาหาร ๑๖ ชนิด สับปะรดเป็น "ราชินีแห่งผลไม้ของอเมริกาใต้" ใช้ลดน้ำหนัก และยังใช้แก้โรคท้องผูกได้ ดื่มน้ำสัปปะรดคั้นกันท้องผูกได้ คนที่มีปัญหาเรื่องผิวพรรณ อ่อนเพลียและชอบเป็นหวัดบ่อย ๆ สาเหตุเพราะขาด "วิตามินเอ" ควรรับประทานผลไม้หรือผักที่มีสีเหลืองเช่น Aprikosen คุณทราบมั้ยว่า "กล้วย" ทำให้อารมณ์ดี กล้วยมีแร่ธาตุและสารอาหาร ๑๘ ชนิด กล้วยได้รับฉายานามว่า "ยาโดบ" ความเชื่อผิด ๆ ที่ว่ารับประทานกล้วยมากทำให้อ้วน
กล้วยหนึ่งใบมีแคลอรี่เพียงประมาณ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ กล้วยใช้ลดน้ำหนักได้เพราะในกล้วยมีแร่ธาตุสารอาหารมาก และกล้วยเป็นผลไม้ที่ทำให้มีความสุข เพราะมีสาร Serotonin "สารสุข" ก่อนนอนรับประทานกล้วยทำให้หลับสบายได้