ควรรับประทานผักทุกวัน
ผู้ที่รับประทานผักเป็นอาหารหลักส่ว และรับประทานเนื้อสัตว์เพียงเล็กน้อย ย่อมมีชีวิตอยู่ด้วยความปลอดภัย จากโรคร้ายแรงเบียดเบียน มากกว่าผู้บริโภคเนื้อสัตว์เป็นประจำ ปัจจุบันนี้ชาวยุโรปได้หันมารับประทานผักและผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์มากขึ้น นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ปริมาณการบริโภคเนื้อสัตว์ได้ลดลงมาก คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจอาหารมังสะวิรัตเพราะปลอดภัยจากสารพิษในเนื้อและไขมันสัตว์
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการทั่วโลก ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับผู้รับประทานผักทุกวันเป็นประจำ กับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานผัก ผลการวิจัยก็คือ ผู้ที่รับประทานผักทุกวัน จะไม่ค่อยป่วย และก็จะไม่เสียชีวิตด้วยโรคต่อไปนี้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดตีบ โรคกิ๊คท์ โรคไขข้ออักเสบ โรคตับ โรคไตและดรคนิ่วใถุงน้ำดี โรคหัวใจวาย โรคหัวใจล้มเหลว
ส่วนสถิติของผู้รับประทานเนื้อสัตว์นั้น ผลปรากฎว่า ผู้รับประทานเนื้อสัตว์เป็นประจำ จะมีปัญาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย โรคกระดูกตามข้อ โรคหัวใจและโรคมะเร็งลำไส้ เพราะว่าเนื้อสัตว์ที่ถูกย่อยเรียบร้อยแล้ว จะไปตกค้างอยู่ที่ลำไส้ใหญ่เป็นเวลานาน ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียและแก๊ซในลำไส้ ทำให้เกิดสารชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในลำไส้ได้ ในเนื้อย่างก็มีสารที่ทำให้เป็นโรคเนื้องอกและโรคมะเร็งในเม็ดเลือดได้ ชื่อ "โซไพริน" น้ำมันสัตว์ก็เป็นสารเคมีที่เป็นพิษร้ายแรงได้ เมื่อถูกความร้อนก็จะแปรสภาพเป็นสารพิษ เป็นเหตุให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน ผู้รับประทานเนื้อสัตว์มาก จะมีไขมันในเส้นเลือดสูง ไขมันสัคว์ไม่สามารถละลายในร่างกายมนุษย์ได้ จึงถูกเก็บสะสมไว้ตามผนังของเส้นเลือด ทำให้อุดตันเส้นเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก หัวใจต้องทำงานหนักกว่าปรกติ ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ และเป็นโรคหัวใจได้ด้วย
ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นไม่รู้จัก "โรคกระดูกผุ" ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ดื่มน้ำนมวัว แม้แต่เด็กอ่อนในประเทศจีนจะดื่มนมถั่วเหลืองหรือน้ำนมจากมารดาเท่านั้น นักวิจัยทางด้านโภชนาการได้วิจับพบว่า ชาวจีนและชาวญี่ปุนมีกระดูกแข็งแรง เพราะบริโภคผักเป็นอาหารหลักทุกมื้อ
การรับประทานผักและผลไม้ ที่มีสารต้านทานอนุมูลอิสระ จะช่วยลดการเสี่ยงต่อโรคไขมันอุดตันหลอดเลือด และยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง สามารถป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้ เพราะมีเอสโตรเจนจำนวนมาก
หนังสืออ้างอิง.....Praktisches Kursbuch gesunde ERNàHRUNG
Claudia Tebel-Nagy
.............................................